รีวิวเกม Battlefield 6 ตำนานเกมยิง FPS กลับมาแบบยิ่งใหญ่
เกม Battlefield 6 เพิ่งจะวางขายไปเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2025 บน PlayStation 5, PC และ Xbox Series X/S โดยเป็นการกลับมาสู่รูปแบบสงครามที่เราคุ้นเคยกันดี

โดยในเกม Battlefield 6 กลับมาแบบยิ่งใหญ่มีความใกล้เคียงกับยุคทองของแฟรนไชส์อย่าง Battlefield 3 และ Battlefield 4 หลังจากความไม่แน่นอนของ Battlefield 2042 ทำให้เกม Battlefield 6 เป็นการกลับคืนสู่ฟอร์ม ที่ดีสำหรับแฟรนไชส์เกมยิงในตำนานของค่ายเก่าแก่อย่าง EA

กราฟิกโดดเด่นเล่นได้ลื่นไหล
เกมสร้างด้วยเอนจิน Frostbite ชอง EA เองซึ่งขึ้นชื่อเรื่องกราฟิกที่สวยงามและระบบทำลายสภาพแวดล้อม
กราฟิกโดยทั่วไปถือว่า ดี ถึง ดีมาก โดยเฉพาะในแง่ของรายละเอียดของสภาพแวดล้อม , แสงเงา , และเอฟเฟกต์การทำลายที่มีขนาดใหญ่และน่าประทับใจ

แม้จะมีบางส่วนยังดู ไม่สมจริงเท่า เกมอื่น ๆ ที่ใช้ Unreal Engine 5 ในยุคเดียวกัน โดยเฉพาะเรื่องของรายละเอียดเล็ก ๆ, พื้นผิวในบางส่วน และแอนิเมชันใบหน้าของตัวละคร แต่มันก็เป็นเพียง ทิศทางงานออกแบบศิลป์” โดยรวมกราฟิกในเกม Battlefield 6 ดูดีงามไม่ได้ดูแย่เลย แถมยังเล่นได้ลื่นไหลมาก ๆ ด้วย (เล่นบน PS5)

เกมเพลย์โดดเด่นที่โหมดเล่นหลายคน
จุดเด่นของ Battlefield 6อยู่ที่ระบบผู้เล่นหลายคน (Multiplayer) ที่มีการปรับปรุงการยิง (Gunplay), การออกแบบแผนที่ที่ชาญฉลาดขึ้น, และการนำสงครามขนาดใหญ่ 128 ผู้เล่นกลับมาพร้อมกับระบบคลาส (Class System) ที่ชัดเจน

โดยในโหมดผู้เล่นหลายคน (Multiplayer) All-Out Warfare เป็นหัวใจหลักที่ทำให้เกมนี้โดดเด่น ด้วยการต่อสู้ขนาดใหญ่ 128 ผู้เล่นผสมผสานทั้งทหารราบ, ยานพาหนะ, และอากาศยาน ทำให้เกิดความวุ่นวายและสถานการณ์ที่คาดเดาไม่ได้ (“Only in Battlefield” moments) และยังมาพร้อมกับ ระบบคลาส (Class System): กลับมาใช้ระบบคลาสแบบดั้งเดิม 4 คลาส (Assault, Medic, Support, Recon) โดยแต่ละคลาสมีบทบาทและอุปกรณ์ที่ชัดเจน ทำให้การเล่นเป็นทีม (Squad Play) มีความสำคัญและสนุกยิ่งขึ้น

ระบบต่อสู้ใหม่ที่โดดเด่น
ระบบที่โดดเด่นในเกม Battlefield 6 คือการทำลายล้าง (Destruction): กราฟิกการทำลายล้างดูยอดเยี่ยมและสมจริง แต่นักวิจารณ์หลายคนชี้ว่าการทำลายสิ่งก่อสร้างเพื่อสร้างเส้นทางหรือเปลี่ยนยุทธวิธีในแผนที่เมืองนั้นทำได้น้อยกว่าที่คาดหวังไว้ คือดูดีแต่ไม่ค่อยส่งผลต่อกลยุทธ์มากนัก

Battlefield 6 มาพร้อมกับระบบการต่อสู้ใหม่ (Kinesthetic Combat System): มีการยกเครื่องการเคลื่อนไหวและการยิงใหม่ทั้งหมด ทำให้การควบคุมทหารราบมีความแม่นยำและเป็นธรรมชาติมากขึ้น เช่น การวิ่งแบบย่อตัว (crouch sprint) และระบบการลากเพื่อนเพื่อชุบชีวิต (drag and revive) ทำให้ประสบการณ์การต่อสู้รู้สึกเชื่อมโยงกับสภาพแวดล้อมมากขึ้น

และที่ต้องชมคือระบบ ปืนและเสียงประกอบ เพราะเกม Battlefield 6 มีระบบเสียงอาวุธมีความหนักแน่นและสมจริงมาก ถือเป็นหนึ่งในการออกแบบเสียงที่ดีที่สุดในซีรีส์ และการยิงปืนมีการปรับปรุงให้รู้สึกถึงวิถีกระสุนและการดีดกลับที่สมดุล ทำให้ผู้เล่นทักษะสูงถูกให้รางวัล แต่ผู้เล่นทั่วไปก็ยังสามารถยิงได้อย่างแม่นยำ

จุดสังเกตโหมดแคมเปญผู้เล่นคนเดียว (Single-player Campaign)
โหมดเนื้อเรื่องเกม Battlefield 6 มีฉากหลังเป็นปี 2027 เล่าเรื่องความขัดแย้งระหว่าง NATO ที่แตกแยกกับ Pax Armata ซึ่งเป็นบริษัททหารเอกชนขนาดใหญ่ โดยมีความยาวไม่มาก เพราะมีภารกิจประมาณ 9 ภารกิจ ใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมง

รูปแบบการเล่นเป็นแนวทางที่มุ่งเน้นฉากแอ็กชันที่เป็นเส้นตรง (cinematic, linear gameplay) และมีการกำหนดสคริปต์ล่วงหน้าสูง (highly scripted action) คล้ายกับคู่แข่งอย่าง Call of Duty แต่มีการนำเสนอมุมมองที่หลากหลายในการปฏิบัติการทางทหาร เช่น ภารกิจสไนเปอร์แบบเปิดกว้าง (open-ended scout-sniper mission) ที่ถือว่าเป็นข้อดี

แต่ก็มีจุดที่ควรพิจารณาเพราะโหมดแคมเปญผู้เล่นคนเดียว (Single-player Campaign) ในเกม Battlefield 6ค่อนข้างสั้นและเป็นเส้นตรง และระบบทำลายล้าง (Destruction) ถึงแม้จะดูดีแต่กลับมีผลกระทบต่อกลยุทธ์การเล่นน้อยกว่าที่ควรจะเป็น แต่ใครจะไปสนเพราะจุดเด่นของเกมแนวนี้อยู่ที่โหมดเล่นออนไลน์อยู่แล้ว ดังนั้นใครไม่สนส่วนนี้ก็ไปกดซื้อ Battlefield 6 มาเล่นกันได้เลย
คะแนน 8.5/10
Nintendo Switch 2 Now Available
📢 Tinzshop มีร้านบน LINE แล้ว! สอบถาม–สั่งซื้อได้ง่ายกว่าเดิม📲 กดปุ่มด้านล่างเพื่อแชทกับแอดมิน


เขียนโดย Dome