Nintendo Switch 2 คุ้มค่าหรือไม่ที่จะอัปเกรดจาก Nintendo Switch 1
Nintendo Switch 2 วางขายมา 2 เดือนแล้ว มีการอัปเกรดที่สำคัญหลายอย่างเมื่อเทียบกับ Nintendo Switch รุ่นแรก ทำให้ประสิทธิภาพและประสบการณ์การเล่นเกมดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

แต่ก็มีแฟนเกมมีข้อสงสัยว่ามันจกคุ้มค่าหรือไม่ที่จะอัปเกรดจาก Nintendo Switch 1 มาเป็น Nintendo Switch 2 เพราะในตอนนี้ถือยังมีราคาค่อนข้างสูงอยู่ ไปดูกันว่าสิ่งที่แตกต่างระหว่าง Nintendo Switch 2 และ Switch 1 มีอะไรบ้างและคุ้มค่าพอที่จะเสียเงินอัปเกรดหรือไม่

ประสิทธิภาพและกราฟิก
ประเด็นแรกคือ ประสิทธิภาพและกราฟิก โดย Nintendo Switch 2 ใช้ชิปประมวลผลที่ใหม่กว่าและทรงพลังกว่า ทำให้เกมรันได้เร็วขึ้นและมีภาพที่คมชัดกว่า โดยมีการระบุว่า Switch 2 แรงกว่า Switch 1 มากถึง 10 เท่าโดยเป็นข้อมูลอย่างเป็นทางการจากผู้ผลิตชิปเองเลย
โดย Nintendo Switch 2 มีความละเอียดภาพโหมดพกพารองรับความละเอียดสูงสุด 1080p ซึ่งดีกว่า Nintendo Switch รุ่นแรกที่รองรับเพียง 720pส่วนในโหมดต่อทีวีผ่าน Dock ทาง Nintendo Switch 2 สามารถแสดงผลได้สูงสุดถึง 4K (ขึ้นอยู่กับเกมที่รองรับ) ในขณะที่ Switch รุ่นแรกทำได้สูงสุดเพียง 1080p
นอกจากนี้ เฟรมเรตของ Nintendo Switch 2 รองรับเฟรมเรตสูงสุด 120 fps ในบางเกม ซึ่งช่วยให้ภาพเคลื่อนไหวราบรื่นกว่า Switch รุ่นแรกที่สูงสุด 60 fps ซึ่งส่วนใหญ่จะไม่ถึงด้วย เพราะสเปก Switch 1 ไม่แรงพอส่วนใหญ่จะรันแค่ 30 FPSในส่วนของระบบ เทคโนโลยีกราฟิก Nintendo Switch 2 รองรับ HDR และ VRR (Variable Refresh Rate) ที่ช่วยให้ภาพมีสีสันและแสงที่สมจริงขึ้น

ก่อนจะดูว่ามันคุ้มค่าหรือไม่มาดูสเปกของ Nintendo Switch 2 เทียบกับ Switch 1
การออกแบบและหน้าจอ
ขนาดหน้าจอ Nintendo Switch 2 มีหน้าจอขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 7.9 นิ้ว (ในรุ่น OLED Switch 1 อยู่ที่ 7.0 นิ้ว) ทำให้เล่นเกมในโหมดพกพาได้เต็มตามากขึ้น อัปเกรดระบบ Joy-Con โดย Joy-Con 2 ใช้ระบบยึดแบบแม่เหล็กแทนรางสไลด์แบบเดิม ทำให้การถอด/ใส่ Joy-Con ง่ายและมั่นคงขึ้น และมีการอัปเกรด ขาตั้ง โดย Nintendo Switch 2 มีขาตั้งที่แข็งแรงและปรับระดับได้ดีขึ้น คล้ายกับรุ่น OLED และยังอัปเกรด พอร์ตเชื่อมต่อ โดย Nintendo Switch 2 มีพอร์ต USB-C เพิ่มเติม ทำให้ใช้งานได้หลากหลายมากขึ้น
คุณสมบัติและฟังก์ชันเพิ่มเติมของ Nintendo Switch 2
อัปเกรด หน่วยความจำภายใน โดย Nintendo Switch 2 มีความจุเริ่มต้นที่ 256GB (ในขณะที่ Switch รุ่นแรกมีเพียง 32GB และรุ่น OLED มี 64GB) และใช้เทคโนโลยี UFS 3.1 ที่มีความเร็วในการอ่าน/เขียนสูงกว่า และยังอัปเกรด ระบบเสียง ที่มีการเพิ่มไมโครโฟนในตัวเครื่องและระบบตัดเสียงรบกวนเพื่อรองรับฟีเจอร์ Game Chat

Nintendo Switch 2 มีระบบ (Backward Compatibility) สามารถเล่นเกมของ Switch รุ่นแรกได้ทั้งแบบตลับและแบบดาวน์โหลด อย่างไรก็ตาม บางเกมอาจไม่รองรับหรือทำงานได้ไม่สมบูรณ์ แต่ปู่นินจะทยอยอัปเกรดให้จนครบหมด
ระบบ Dock ของ Nintendo Switch 2 ที่อัปเกรด โดย Dock ของ Nintendo Switch 2 มาพร้อมพอร์ต Ethernet และมีพัดลมระบายความร้อนในตัว เพื่อช่วยให้เครื่องทำงานได้ดีขึ้นเมื่อต่อเข้ากับทีวี
โดยรวมแล้ว Nintendo Switch 2 เป็นการอัปเกรดที่สำคัญในเกือบทุกด้าน โดยเน้นที่ประสิทธิภาพที่สูงขึ้น กราฟิกที่สวยงามขึ้น และการปรับปรุงทุกระบบเพื่อให้ใช้งานได้ดีมากขึ้น ซึ่งทำให้เป็นเครื่องเกมที่น่าสนใจสำหรับทั้งผู้เล่นใหม่และผู้ที่ต้องการอัปเกรดจาก Switch รุ่นเดิม

รายละเอียดสเปกโดยละเอียดของ Nintendo Switch 2 อย่างเป็นทางการโดยละเอียด
ชิปประมวลผลและกราฟิก
ชิปเซ็ตCustom NVIDIA Tegra T239 (รหัสพัฒนา “Drake”)
สถาปัตยกรรม CPU แบบOcta-core ARM Cortex-A78Cส่วน สถาปัตยกรรม GPU: NVIDIA Ampere พร้อม 1536 CUDA cores
และส่งผลให้ประสิทธิภาพกราฟิก (TFLOPS) เพิ่มขึ้นมากกว่า Switch รุ่นแรกอย่างมาก โดยในโหมด Docked (ต่อทีวี) 3.072 TFLOPS และในโหมดพกพา:1.71 TFLOPS และยังรองรับ เทคโนโลยี รองรับ DLSS และ Ray Tracing (สำหรับเกมที่รองรับ)

ส่วนแรม Nintendo Switch 2 มาพร้อม RAM 12 GB LPDDR5Xแบนด์วิดท์หน่วยความจำ โหมด Docked 102 GB/s ส่วนใน โหมดพกพา 68 GB/s หน่วยความจำภายใน 256 GB UFS 3.1มาพร้อมช่องใส่การ์ดหน่วยความจำ รองรับ microSD Express (สูงสุด 2 TB)
หน้าจอและวิดีโอเอาต์พุต ความละเอียด หน้าจอ LCD ขนาด 7.9 นิ้ว ความละเอียดหน้าจอ 1920×1080 (1080p) อัตราการรีเฟรชหน้าจอ สูงสุด 120Hzเทคโนโลยีหน้าจอ รองรับ HDR10 และ VRR (Variable Refresh Rate)
วิดีโอเอาต์พุตโหมด Dockedความละเอียด: สูงสุด 4K ที่ 60 fps หรือ 1440p ที่ 120 fps
พอร์ต:HDMI พร้อม HDR10วิดีโอเอาต์พุตโหมดพกพา: สูงสุด 1920×1080 (1080p)
การเชื่อมต่อและแบตเตอรี่
แบตเตอรี่: ลิเธียมไอออน ความจุ 5,220 mAhอายุการใช้งานแบตเตอรี่: ประมาณ 2–6.5 ชั่วโมง (ขึ้นอยู่กับเกมที่เล่น)
การเชื่อมต่อไร้สาย:Wi-Fi 6, Bluetooth
พอร์ตการเชื่อมต่อ USB-C 2 ช่อง (ด้านล่างสำหรับชาร์จและ Dock, ด้านบนสำหรับอุปกรณ์เสริม) และสามารถชาร์จไฟได้
มาพร้อม ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. พอร์ตบน Dock:** 2 x USB 2.0, 1 x Gigabit Ethernet, 1 x HDMI 2.1

Joy-Con และคุณสมบัติอื่น ๆ
Joy-Con 2:ใช้ระบบยึดแบบแม่เหล็ก และมีไมโครโฟนในตัวพร้อมระบบตัดเสียงรบกวน
ขาตั้ง ปรับปรุงให้แข็งแรงขึ้นและปรับได้หลายระดับ
Backward Compatibility สามารถเล่นตลับเกมของ Nintendo Switch รุ่นเดิมได้ (บางเกมอาจต้องรอการอัปเดต)

เปรียบเทียบความคุ้มค่าระหว่าง Nintendo Switch 2 และ Nintendo Switch 1
ประสิทธิภาพที่ก้าวกระโดด โดยกราฟิกและเฟรมเรต การใช้ชิปเซ็ตใหม่ของ NVIDIA ทำให้ Switch 2 สามารถรันเกมด้วยกราฟิกที่สวยงามขึ้นมาก และมีเฟรมเรตที่เสถียรกว่าเดิม รวมถึงรองรับเทคโนโลยีอย่าง DLSS และ Ray Tracing ที่ทำให้ภาพดูสมจริงยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นการยกระดับประสบการณ์การเล่นเกมอย่างแท้จริง ความละเอียดการแสดงผลระดับ 1080p ในโหมดพกพา และ 4K ในโหมดต่อทีวี เป็นการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัด ทำให้ภาพคมชัดและรายละเอียดดีขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อเล่นบนทีวีรุ่นใหม่

คุณสมบัติใหม่ที่ที่น่าสนใจ มาพร้อมกับJoy-Con 2 ที่มาพร้อมกับระบบยึดแบบแม่เหล็กแก้ไขปัญหาของ Joy-Con รุ่นเดิม ทำให้ถอด/ใส่ได้ง่ายและมั่นคงขึ้น รวมถึงมีไมโครโฟนในตัวที่ช่วยให้การสื่อสารกับเพื่อนร่วมทีมสะดวกขึ้น
คุ้มค่าเพราะหน่วยความจำที่มากขึ้น เพราะ Nintendo Switch 2 มีความจุเริ่มต้น 256GB เป็นปริมาณที่เพียงพอสำหรับผู้เล่นส่วนใหญ่ ไม่ต้องซื้อ MicroSD เพิ่มเติมทันทีเหมือนรุ่นเดิม และยังใช้ UFS 3.1 ที่ทำให้โหลดเกมได้เร็วขึ้นมาก หากคุณเล่นเกมไม่เยอะและซื้อแบบตลับอาจจะไม่ต้องซื้อความจุเพิ่มก็ได้
แน่นอนว่าระบบBackward Compatibility ความสามารถในการเล่นเกมของ Nintendo Switch รุ่นแรกได้ ทำให้ผู้เล่นสามารถย้ายคลังเกมเก่ามาเล่นบนเครื่องใหม่ได้ทันทีโดยไม่ต้องเริ่มต้นใหม่
และความโดดเด่นในจุดเด่นด้านพกพาที่ยังคงอยู่ โดย Nintendo Switch 2 ยังคงคอนเซ็ปต์การเป็นเครื่องเกมแบบไฮบริดที่สามารถเล่นได้ทั้งแบบพกพาและต่อทีวี ซึ่งเป็นจุดแข็งที่ทำให้มันโดดเด่นจากเครื่องเกมอื่นในตลาด และยังมาพร้อมกับขาตั้งที่ดีขึ้น ขาตั้งที่แข็งแรงและปรับได้หลายระดับช่วยให้การเล่นแบบตั้งโต๊ะสะดวกสบายยิ่งขึ้น ไม่ต้องกังวลว่าเครื่องจะล้มง่ายอีกต่อไป

สรุปความคุ้มค่า
สำหรับผู้ที่ยังไม่มี Nintendo Switch 1 หากไม่กังวลเรื่องงบประมาณ การเลือกซื้อ Nintendo Switch 2 เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด ณ ตอนนี้ ด้วยสเปกที่ทันสมัยกว่าและคุณสมบัติที่ครบครันกว่ารุ่นเดิมมาก ทำให้คุณได้ประสบการณ์การเล่นเกมที่ดีที่สุดตั้งแต่วันแรก
และสำหรับผู้ที่มี Nintendo Switch รุ่นเดิมอยู่แล้ว การอัปเกรดเป็น Nintendo Switch 2 ก็ถือว่าคุ้มค่าหากไม่เกี่ยงเรื่องราคา หากคุณต้องการกราฟิกที่ดีขึ้น เฟรมเรตที่เสถียรขึ้น และต้องการสัมผัสกับเกมยุคใหม่ที่ใช้ประโยชน์จากพลังของเครื่องอย่างเต็มที่ รวมถึงการปรับปรุงคุณภาพชีวิตในด้านต่าง ๆ เช่น Joy-Con และหน่วยความจำที่เพิ่มขึ้น
ในภาพรวมแล้ว Nintendo Switch 2 ไม่ใช่เพียงแค่การอัปเกรดเล็กน้อย แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ทำให้มันเป็นเครื่องเกมที่ทรงพลังและน่าใช้กว่าเดิมมาก จึงเป็นเครื่องเกมที่คุ้มค่าแก่การลงทุนอย่างแท้จริง
Nintendo Switch 2 Now Available
📢 Tinzshop มีร้านบน LINE แล้ว! สอบถาม–สั่งซื้อได้ง่ายกว่าเดิม📲 กดปุ่มด้านล่างเพื่อแชทกับแอดมิน


เขียนโดย Dome