Capcom บอกเหตุผลของตลับ Nintendo Switch 2 Game Key Card

เชื่อว่าแฟนเกมที่เป็นเจ้าของ Nintendo Switch 2 จะไม่ค่อยชอบระบบ Game Key Card ที่มาใช้งานบน Nintendo Switch 2 ที่ไม่มีตัวเกมในตลับ ผู้เล่นต้องไปโหลดเกมเต็ม ๆ ผ่านระบบออนไลน์เพราะมันเหมือนไม่ได้ตัวเกมในตลับ

แต่ล่าสุด โยชิกิ โอคาโมโตะ อดีตโปรดิวเซอร์ของ Capcom และ Street Fighter II ได้แบ่งปันข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับช่วงเวลาที่เขาทำงานเกี่ยวกับเกมบน NES/Famicom ผ่านทางช่อง YouTube ของเขา ซึ่งทำให้เราได้เห็นภาพรวมที่น่าสนใจเกี่ยวกับการพัฒนาเกมในยุคนั้น ซึ่งอาจจะเกี่ยวข้องกับการที่ปู่นินเลือก Game Key Card ให้นักพัฒนาเกมไปใช้เป็นทางเลือกบน Nintendo Switch 2

โอคาโมโตะ แปลโดย Automaton Media ว่าเป็นเรื่องยากกว่าที่นักพัฒนาเกมบน Famicom และจากประสบการณ์ของเขา “มีเพียง Nintendo เท่านั้นที่รับประกันผลกำไร” และตลับเกมบน Famicom มีต้นทุนสูงมาก ๆ

โดยเขายกตัวอย่าง สมมติว่า ตลับเกม Famicom ขายในราคาขายปลีก 10,000 เยน ในจำนวนนั้น 3,000 เยนตกเป็นของร้านค้าปลีก 4,000 เยนตกเป็นของผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ อย่าง Capcom และ 3,000 เยนตกเป็นของ Nintendo ซึ่งฟังดูสมเหตุสมผลในตอนแรก แต่ Okamoto ชี้แจงว่า และต้องจ่าย 3,000 เยนให้ Nintendo ที่ส่วนหนึ่งเป็นค่าสื่ออย่างตลับ ซึ่งถือว่าสูงมาก และเมื่อมองย้อนกลับไปในยุค 80 Capcom เป็นค่ายเกมใหม่ และต้องจ่ายเงินล่วงหน้าประมาณ 3,000 เยนต่อตลับ ซึ่งถือว่าสูงมาก

ส่งผลให้บริษัทต้องกู้ยืมเงินจากธนาคารเพื่อให้แน่ใจว่าสามารถจ่ายให้กับบริษัทใหญ่ได้ แต่จำนวนนี้สะสมไปเรื่อยๆ เพราะดูเหมือนว่า Nintendo ต้องใช้เวลาถึง 3 เดือนในการจัดหาตลับเกม จากนั้น Capcom จึงต้องส่งตลับเกมและใบแจ้งหนี้ไปให้ ผู้จัดจำหน่าย แต่แทบจะไม่ได้รับเงินทันที แต่กลับได้รับหนังสือแจ้งสัญญาว่าเงินจะเข้าภายใน 3 เดือน

นั่นหมายความว่า กำไรมักจะใช้เวลาถึง 6 เดือนกว่าจะถึง Capcom ซึ่งน่าจะนำไปใช้จ่ายหนี้ธนาคาร Okamoto ยังพูดถึงสต็อกตลับเกมที่ขายไม่ออก ซึ่งนักพัฒนามักจะมีของเหลือเพราะต้องสั่งซื้อเกินจำนวน เนื่องจากการผลิตใช้เวลาประมาณ 3 เดือน ซึ่งทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้นอีก 3,000 เยน

Okamoto ยังคงเน้นย้ำว่าราคาของตลับเกม Famicom คนได้ประโยชน์มากที่สุดคือ Nintendo เท่านั้น โดยกำไรของ Capcom พุ่งสูงขึ้นด้วยการเปลี่ยนจากตลับเกมมาเป็นแผ่น CD ในยุค PS1 Okamoto กล่าว ผู้ชมระบุว่าไม่เพียงแต่ต้นทุนการผลิตจะถูกลงเท่านั้น แต่ Sony ยังจะคืนเงินส่วนแบ่ง หากเกมขายไม่ออก

ความเร็วในการเติมสต็อกที่เร็วขึ้น ช่วยให้นักพัฒนาตอบสนองต่อยอดขายและความสนใจได้รวดเร็วยิ่งขึ้น หมายความว่า Capcom สามารถเติบโตได้มากยิ่งขึ้นในยุคที่เกมเป็นแผ่น CD อย่างไรก็ตาม Nintendo ยังคงเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ประสบความสำเร็จ เพราะช่วยให้พวกเขาขยายฐานผู้เล่นและได้ก้าวเข้าสู่วงการเกมคอนโซล

นี่เป็นมุมมองที่น่าสนใจเกี่ยวกับกระบวนการพัฒนาวิดีโอเกมในช่วงปลายยุค 80 และต้นยุค 90 และเป็นอีกหนึ่งมุมมองว่าทำไม PS1 ถึงประสบความสำเร็จกว่า Nintendo 64 ได้ และอาจจะเป็นที่มาของการออกวางขายตลับ Game Key Card บน Nintendo Switch 2 ให้ค่าย 3rd Party เพราะมีต้นทุนถูกกว่าเพื่อให้นักพัฒนาเกมมีกำไร ไม่เหมือนตลับเกมเต็ม ๆ แบบในอดีต